สถานที่แบบไหนควรใช้อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) หรือ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector)
ก่อนอื่นมาดูกันก่อนว่าอุปกรณ์แต่ละชนิดต่างกันยังไง
>>Smoke Detector<<<
หรือเครื่องตรวจจับควัน โดยเมื่อเกิดเพลิงไหม้จะสามารถตรวจจับอนุภาคควันไฟได้ ซึ่งควันจะเป็นสิ่งแรกที่ลอยขึ้นไปบนอากาศ จึงทำให้ Smoke Detector ทำงานส่งสัญญาณเตือนภัยไปยังอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เสียง และ แสง ซึ่งจะช่วยให้อพยพหนีไฟได้อย่างทันท่วงที
ซึ่งจะมีอยู่ 2 ชนิด ได้แก่
- Ionization Smoke Detector เมื่อมีการเผาไหม้เกิดขึ้นความชื้นและความกดดันในอากาศจะมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ Ionization smoke detector สามารถตรวจจับได้โดยแผ่นชาร์จประจุจะการวัดค่าหรือตรวจจับโมเลกุลในอากาศ
- Photoelectric Smoke Detector สำหรับหลักการทำงานของเครื่องตรวจจับควันชนิดนี้ก็คือ การกระจายแสงสะท้อน หรือ การบังแสง โดยที่ภายใน Smoke Detector แบบ Photoelectric จะมีหลอดไฟ LED ที่ส่องไปยังอุปกรณ์ไวแสง (Photosensitive Element) เมื่อมีการเผาไหม้เกิดขึ้น และควันลอยขึ้นไปในอากาศเข้าไปใน Smoke Detector ทำให้ควันเข้าไปบังแสงที่ส่องไปยังวัตถุไวแสงในตัวอุปกรณ์ตรวจจับควันนั่นเอง
เครื่องตรวจจับควันจะเหมาะกับสถานที่ฝุ่น ไอน้ำน้อย ได้แก่
- ห้องนอน
- ห้องนั่งเล่น
- โถงทางเดิน
- ห้องรับประทานอาหาร
- สำนักงาน
————————————————————————————————————————————————————————————————–
>> Heat Detector <<<
คือ อุปกรณ์ที่ทำงานตรวจจับความร้อนจากการเผาไหม้ของวัตถุ ภายในตัวเครื่องจะมีระบบที่สามารถจับอุณหภูมิความร้อนจากเปลวไฟได้ แม้ว่าจะมีควันน้อยก็ตาม มี 4 ชนิดได้แก่
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอุณหภูมิคงที่ (Fixed Temperature Heat Detector)ชนิดตรวจจับอุณหภูมิคงที่ เป็นอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่จะส่งสัญญาณเตือนภัยเมื่ออุณหภูมิบริเวณรอบๆ สูงถึงที่กำหนดไว้ สามารถตั้งอุณหภูมิที่ต้องการให้ Heat Detector ทำงานได้ โดยสามารถตั้งได้ตั้งแต่ 60 – 150 องศาเซลเซียส การทำงานของ Heat Detector ชนิดนี้ Sensor จะทำงานส่งสัญญาณเตือนภัยต่อเมื่ออุณหูมิถึงที่กำหนดไว้ โดยอาศัยการทำงานของโลหะ 2 ชนิด เมื่ออุณหภูมิถึงที่กำหนดไว้จะทำให้โลหะทั้งสองชนิดแนบติดกัน และเกิดการบิดตัวและโค้งงอไปอีกด้าน ทั้งนี้เมื่ออุณหภูมิลดลงกลับไปปกติโลหะทั้ง 2 ชนิด จะกลับสู่สภาพเดิม
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดจับอัตราการเพิ่มของอุณหภูมิ (Rate-of-Rise Heat Detector) อุปกรณ์จะทำงานเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ 10 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 1 นาที โดยการทำงานของ Heat Detector ชนิดตรวจจับอัตราการเพิ่ม จะมีการทำงานต่อเมื่ออุณหภูมิความร้อนภายในบริเวณนั่นๆมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้ส่วนรับความร้อนของ HeatDetector ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปดันแผ่นไดอะแฟรมให้ไปดันขาคอนแทคแตะกัน ส่งผลให้อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน Heat Detector ส่งสัญญาณเตือนไปยังตู้ควบคุมระบบแห้งเหตุเพลิงไฟ และส่งเสียงเตือนภัยออกมา
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดรวม (Combination Heat Detector) Heat Detector แบบตรวจจับความร้อนชนิดรวม เป็นการนำเอาคุณสมบัติของ Heat Detector แบบตรวจจับอุณหภูมิคงที่ และ แบบตรวจอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น มาไว้ในอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนตัวเดียว ทำให้ Heat Detector ชนิดนี้มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้นสามารถตรวจจับความอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
- อุปกรณ์ตรวจจับความร้อนที่เพิ่มขึ้น จนถึงจุดที่ ตั้งไว้ (Rate Compensate Heat Detector) ชนิดตรวจจับความร้อนที่เพิ่มขึ้น จนถึงจุดที่ตั้งไว้ ซึ่งอุปกรณ์ตรวจจับความร้อนชนิดนี้จะทำงานเมื่ออุณหภูมิบริเวณที่ติดตั้งมีการเปลี่ยนแปลงถึงจุดที่ตั้งไว้ โดยข้อดีของอุปกรณ์ชนิดนี้ คือ สามารถตรวจจับอุณหภูมิความร้อนที่สูงขึ้นของบริเวณรอบๆ จุดที่ติดตั้ง Heat Detector ที่ห่างออกไป ตามระยะทางที่กำหนดไว้ได้
จะเหมาะกับสถานที่มีฝุ่น ควันหรือไอน้ำหนาแน่น ไม่ว่าจะเป็น
- ห้องครัว
- ห้องซักรีด
- ห้องเย็น
- โรงจอดรถ